5-14-2012
วันนี้ผมอยากจะพูดถึงเรื่อง ขุนทรัพย์
สิ่งมีชีวิตที่ถูกขนานนามว่า “มนุษย์” ไม่ว่าจะเกิดมาในชาติใดภาษาใด สีผิวใด แท้ทีจริงแล้วไม่มีใครวิเศษกว่าใคร ไม่มีใครที่เกิดมาจน เกิดมาเลวหรือเกิดมาทุกข์ตั้งแต่กำเนิด ความยากจน ความทุกข์ ความเลวเป็นเรื่องที่เราเลือกทางเดินเองต่างหาก ดังนั้นเราไม่จำเป็นต้องนั่งในกองทุกข์ไม่จำเป็นต้องเป็นคนเลว หรือเป็นอาชญากรหากเราไม่ยินยอม
นักจิตวิทยาบอกเราว่ามีเซลในสมองถึง 12 พันล้านเซล เซลเหล่านี้จะไม่ตื่นตัวในเวลาเดียวกัน เซลส่วนที่ควบคุมการหายใจ การร้อง การกินอาหาร จะตื่นตัวก่อน ต่อมาส่วนอื่นๆ เช่นการเดิน การพูดจะตื่นตัวตามมา นักจิตวิทยา W.MJAMES และนักจิตวิทยาท่านอื่นๆ ต่างพูดสอดคล้องกันว่าเซลในสมองของเราตื่นทำงานเป็นเพียงส่วนน้อย ส่วนที่เหลืออีกมากที่เราไม่รู้เป็นศักยถาพที่ยังนอนนิ่งอยู่
เซลแห่งศักยภาพที่นอนหลับนิ่งอยู่ในสมองมากมายอาจจะหลับต่อไปจนกระทั่งเราหลับในหลุมฝังศพก็เป็นได้นอกเสียจากว่าเซลเหล่านั้นจะถูกปลุกเร้าขนานใหญ่ จนปลุกให้เซลศักยภาพเหล่านั้นลุกขึ้นมาทำงานแก้ไขปัญหา หรือไม่ก็ตัวเราเองจงใจปลุกมันขึ้นมาด้วย “ การพัฒนา”
การอ่านหนังสือเรื่องความสำเร็จของบุคคลต่างๆ การอ่านบทความเร้าใจ การฟัง การบรรยาย การพูดคุยกับบุคคลที่ประสบความสำเร็จถ่ายทอดให้เราฟัง สิ่งเหล่านี้จะปลุกเร้าให้เซลตื่นตัว สิ่งที่น่าเสียดายก็คือเรามักจะมารู้และค้นพบว่าเรามีอะไรบ้างก็เมื่อเวลาลวงเลยไปมากแต่นั่นก็ยังดีกว่าไม่รู้เสียเลย
DR.UUSSEL CONWELL ได้ค้นพบว่าตัวแปรสำคัญที่ลุกเร้าให้เซลศักยภาพทั้ง 12 พันล้านเซลตื่นก็คือเมื่อเราคิด ตั้งเป้าหมาย และเมื่อมี ความตั้งใจ ฝึกตัวเอง ที่จะทำในสิ่งที่ควรทำ ในเวลาที่ควรทำไม่ว่าจะรู้สึกอยากทำหรือไม่อยากทำก็ตาม
มันสมองเป็นขุนทรัพย์ที่ประมาณค่ามิได้ ให้เราขุดมันขึ้นมาใช้ มีหลายคนที่ไปไกลกว่าเราในขณะนี้อาจไม่ใช่เพราะเขา
เก่งกว่าหรือดีกว่า เพียงแต่สิ่งแวดล้อมกระตุ้นให้เขาคิด ให้เขาทำ อาจจะเป็นเพราะเขามีบางคนช่วยกระตุ้น ไม่โอ๋ ไม่อุ้ม ไม่ประคบประหงมประมาณหนึ่งไข่ในหินทำให้เขาต้องดิ้นรนใช้ความคิด ปลุกเร้าเซลให้ตื่นขึ้น
เก่งกว่าหรือดีกว่า เพียงแต่สิ่งแวดล้อมกระตุ้นให้เขาคิด ให้เขาทำ อาจจะเป็นเพราะเขามีบางคนช่วยกระตุ้น ไม่โอ๋ ไม่อุ้ม ไม่ประคบประหงมประมาณหนึ่งไข่ในหินทำให้เขาต้องดิ้นรนใช้ความคิด ปลุกเร้าเซลให้ตื่นขึ้น
เราไม่จำเป็นต้องคอยให้เหตุการณ์บังเอิญมาเป็นตัวกระตุ้นเซลสมองของเรา เราสามารถปลุกของเราเองได้ จึงฝึกตนเองให้เป็นคนรักการอ่านหนังสือ เริ่มไปร้านหนังสือเลือกหนังสือประวัติบุคคลสำคัญๆ ที่ประสบความสำเร็จ อ่านหนังสือแนะแนวความสำเร็จ หนังสือที่สร้างแรงจูงใจให้เกิดการพัฒนาตัวเอง ฟังการบรรยายจากคนที่มีความสำเร็จ ฟังคำเทศนาจากนักเทศที่พูดสร้างสรรค์ความเชื่อและแรงจูงใจ ท่านก็จะก้าวเข้าสู่อาณาจักรแห่งความสำเร็จได้เช่นกัน
ขอให้เราจำไว้ว่า ความสำเร็จไม่ได้วัดจากสิ่งที่เรามีว่าเรามีอะไร แต่วัดจากการที่เราทำอะไรกับศักยภาพที่มีอยู่ในตัวเราต่างหาก..สวัสดี.
No comments:
Post a Comment